บอร์ด ความรัก,ประสบการณ์ความรักในวัยเรียน ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย dinosaur2873สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่จะเล่าประสบการณ์ความรักในวัยเรียนของเราเองค่ะ หากว่าใครมีความรัก หรือกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องความรักอยู่ ลองอ่านกระทู้นี้ดู เป็นความรู้ดูนะค่ะ - แรกๆอะไรๆก็ดีไปหมด                       เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยค่ะ เขามาจีบเรา แรกๆเราไม่ไว้ใจเขาเลย แต่เขาดูดีมาก การพูดจาของเขาก็ดี เขาชวนเราลองทำสิ่งใหม่ๆมากมาย เราแชร์เรื่องราวด้วยกัน แรกๆเราไม่ค่อยไว้ใจเขา เพราะประสบการณ์ครั้งก่อน ก็ทำเราเข็ดกับความรักมาแล้ว เราไม่อยากเจ็บอีก แต่เขาคอยใส่ใจเราตลอด นานเท่าไรเขาก็เหมือนเดิม คอยถามไถ่ตลอดว่าเป็นยังไงบ้างวันนี้ คอยให้กำลังใจ จนเราอ่อนไหว รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นชอบเขาไปซะแล้ว เราชอบที่เค้าเหมือนเดิม และเขาพยายามปรับตัวเข้าหาเรา ไม่เคยพูดข้อเสียของเราให้เราฟังเลย คอยชมเราตลอด ว่าเราดีอย่างนู้นอย่างนี้ แต่เราบอกเขาก่อนเลยว่า เรายังไม่พร้อมตอนนี้ คงต้องขอดูไปก่อน เพราะเรากลัว                        เราคุยกันมาเรื่อยๆมาหลายเดือน เราสนิทกันมากขึ้น เราก็บอกเขาว่าเราชอบเขาเหมือนกัน แต่ยังไม่พร้อมตอนนี้ เขาก็โอเคมาตลอด จนตอนนี้ความใส่ใจที่เขามีให้เราไม่เคยลดลง และมากขึ้นด้วย เขาอยากโทรคุยกับเราบ่อยๆตอนดึกๆ เราคอลกันเกือบทุกวัน แล้วเรารู้สึกว่าเราทั้งคู่เข้ากันได้ดีมาก เขาดูมีความสุข เราก็รู้สึกสุขมากๆ ไม่เคยรู้สึกดีในเรื่องความรักขนาดนี้มาก่อน แล้วเขาจะชอบถามว่า ไม่ไว้ใจเขาหรอ จริงๆลึกๆแล้ว เราไม่อยากไว้ใจเขา 100% ไม่ว่าเราจะรู้สึกดีแค่ไหนก็ตาม เราบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า อะไรๆก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ บวกกับประสบการณ์ที่เราไว้ใจ มันทำให้เราแย่ลง เพราะโดนหลอก ใช่ค่ะ เราโกหกเขาว่าเราไว้ใจ เพราะเราอยากให้เขาสบายใจ แต่ลึกๆแล้วเราก็เผื่อใจไว้เหมือนกัน                        เวลาผ่านมา เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น เพื่อนๆเขา เพื่อนๆเรา รุ่นพี่ ก็เริ่มรู้กันแล้ว เพื่อนๆเราก็คอยถามเมื่อไรจะคบ เมื่อไรจะคบ เราก็บอกไปว่า ยัง ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้ก็เกือบจะ 9 เดือนแล้วที่เราคุยกัน แล้วอยู่ๆเขาก็ทำสีหน้าเศร้าๆ ดูกังวลมาบอกกับเราว่า เพื่อนเขาถามแล้วนะว่าทำไมเราไม่ยอมคบกับเขาสักที เขาบอกว่าเพื่อนเขาพูดว่าเราว่า เราแค่กั๊กเขาไว้อยู่รึเปล่า เราได้ยินแบบนั้น เราก็รีบบอกเลยว่า โห ขนาดนั้นเลยหรอ แต่สีหน้าเขาที่มองเราคือเหมือนผิดหวังในตัวเรามากๆ เราไม่เข้าใจเลย หลังจากนั้นเรากลับบ้านมาคิด คิดมากเหลือเกิน เรากลัวเขาจะไม่อยากรอเราต่อไปแล้วรึเปล่า เราคิดแต่ในหัวว่า เขาดีเหลือเกิน เราเสียเขาไปไม่ได้ จึงตัดสินใจขึ้น หลายวันต่อมา เรามากินข้าวด้วยกันที่ร้านแห่งหนึ่งที่คนน้อย เรารอจังหวะดีๆ แล้วตัดสินใจบอกเขาว่า เราพร้อมแล้ว เขาดีใจมาก แต่หลังจากที่เราบอกเขาไป เราก็ร้องไห้ทันที เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเราถึงร้องไห้ แล้วเขาก็ร้องไห้ตาม ในใจเราดีใจมากๆที่มีเขาเป็นแฟน แต่ในใจอีกด้านเรารู้สึกกลัวมากๆว่า เราจะไม่เจ็บอีกแล้วใช่ไหม                        เราเริ่มคบกัน และตั้งทุกอย่างเป็นสาธารณะ ทุกคนรับรู้ และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราทำแบบนี้ เรากับเขามีความสุขมาก เราไปออกกำลังกาย ไปเที่ยว คอยติวหนังสือให้ นั่งเรียนด้วยกัน ให้กำลังใจกัน ทำกิจกรรมในมหาลัยด้วยกันบ้าง ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในวันที่เราว่าง โทรคุยกันเกือบทุกวัน เขาสัญญากับเรามาตลอด และก็ยังรักษาสัญญาอยู่ว่า เขารักเราคนเดียว เราเป็นคนเดียวที่เขารักมาก เราก็บอกเขาอย่างนั้นมาตลอดเช่นกัน และเราไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เราคิดอย่างเดียวว่าเขานี่แหละคือคนเดียวและคนสุดท้าย แล้วก็มั่นใจว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไป จนกระทั่ง... - เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง                          เราเคยคุยกับเขาช่วงที่เรายังไม่คบกันค่ะ ว่าเรามีความคิดจะซิ่ว เพราะเรารู้สึกว่าคณะที่เราเรียน เมื่อเรียนแล้ว ไม่ใช่ทางที่เราชอบเท่าไร เขาก็บอกเราว่า เขาไม่อยากให้เราไปไหนเลย เราก็บอกเขาไปว่า เราอาจจะไม่ไปก็ได้ ถ้าจะเลือก ก็จะเลือกที่ๆไม่ไกลมากอยู่แล้ว เราเจอกันได้อยู่แล้ว ในปีนี้เราเลยไปสอบ gat-pat, 9 วิชาสามัญค่ะ และเราบอกเขาตลอดว่าเราไปไหน ทำอะไรๆ เขาก็จะพูดแต่คำเดิมว่า เขาไม่อยากให้เราไป แล้วเราก็ตอบเขาคำเดิมเช่นกัน จนกระทั่ง วันประกาศผล เราดูผลแล้วปรากฏว่า เราติดในคณะที่เราอยากเรียนค่ะ เรารีบบอกเขาเลย เขาก็บอกว่า โห ดีใจด้วย แล้วจะเอามั้ย เราก็บอกเขาว่าเดี๋ยวต้องดูก่อน คืนนั้นเราโทรคุยกัน เราคุยกันเรื่องนี้ แล้วเขาก็ร้องไห้ ว่าเขาไม่อยากให้ไป เราเลยบอกเหตุผลไปว่า ยังไงถ้าเราไปจริงๆ เราจะเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยน กลับมาบ่อยๆอยู่แล้ว เพราะไม่ไกลจาก มหาลัยเดิมมากเท่าไหร่ เราเจอกันได้บ่อยๆอยู่แล้ว เราสัญญา หลายวันต่อมา ก็เป็นช่วงที่เราต้องไปทำสัญญาที่มหาลัยใหม่ เมื่อเราทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รู้รายละเอียดของมหาลัยใหม่ว่าเป็นอย่างไร เราจึงโทรคุยกัน เราเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง แต่คราวนี้เขาเป็นฝ่ายฟังเฉยๆ ไม่ร้องไห้ แต่เรากลับร้องไห้ แล้วบอกเขาว่า เราไม่อยากไปแล้ว เรากลัวการที่ต้องไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนก่อน แต่เขาบอกเราว่า ไปเถอะ มันดีแล้ว เขาก็สัญญาว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไป สุดท้ายเราจึงไปลาออกที่มหาลัยพร้อมกับเขา                            เปิดเทอม คราวนี้ เราเรียนกันอยู่คนละที่ เราไม่ค่อยได้เจอกัน เราคอยส่งข้อความหาเขาเสมอเหมือนปกติ แต่เขาเริ่มน้อยลงจนเรารู้สึกได้ เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เขาเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เราพิมพ์คุยกันแบบนี้ตลอด คอยส่งสติ๊กเกอร์ ส่ง GIF แชร์อะไรๆที่เราชอบ แท๊กหากัน เขาไม่มีแล้ว เรารู้สึกเสียใจและกลัวมากๆว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการจบแบบเดิมหรือเปล่า เราโทรหากัน และเราบอกความรู้สึกในตอนนี้กับเขาไป เขาบอกว่า มันไม่มีอะไรเลย เขาอยากให้เราเป็นความรักแบบผู้ใหญ่ ที่ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องมาคอยงุ้งงิ้งเหมือนเมื่อก่อน เราคิดในใจเลย เราไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาเปลี่ยนไปขนาดนี้ เราปรับตัวเป็นแบบเขาไม่ทันจริงๆ แต่เราก็พยายามปรับค่ะ ต่อมา ข้อความหวานๆที่เราส่งให้กัน เราเลยส่งน้อยลง โทรคุยกันครั้งต่อๆมา เขาเริ่มบ่นว่าอย่าทำเสียงแบบนี้ได้ไหม เขาไม่ชอบ เราเลยรู้เลยว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆ เขารำคาญเรา เขารักเราน้อยลงแล้ว แล้วเรารู้สึกเศร้าจริงๆ กระทั่งเราคุยกันไว้ตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้วว่า เราจะเจอกันทุกวันศุกร์ และอาจจะเสาร์-อาทิตย์ด้วย ถ้าว่าง แรกๆเขาก็ถามเรา ว่าอาทิตย์นี้ว่างวันนี้นะ เราว่างไหม แต่หลังๆมานี้ เราต้องเป็นฝ่ายถามค่ะ จนกระทั้งมีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาบอกว่า เขาไม่ว่าง เป็นอาทิตย์หน้าได้ไหม เราก็เสียใจนิดๆ เพราะอยากเจอเขามาก แต่ก็พยายามเข้าใจเขา เพราะหน้าที่เขาก็เยอะ ดูจากที่เขาเคยเล่าให้เราฟัง แล้วเราก็รอเขาจนกระทั่งอาทิตย์ถัดมา เขากลับบอกว่า ใกล้สอบมิดเทอมแล้ว ขอเป็นอาทิตย์หน้าได้ไหม เราเสียใจมาก เลยทะเลาะกัน คือเราพยายามเข้าใจเขานะ แต่ถ้าเขารู้แบบนี้ ทำไมต้องบอกเราว่าอาทิตย์หน้าล่ะ ทั้งๆที่ยืดหยุ่นกันได้ เฉียดเวลามาเจอกันแค่ 1 ชม. เราก็อิ่มใจแล้ว เขายังทำให้เราไม่ได้เลยหรอ แล้วแบบนี้เราจะไปกันรอดหรอ สิ่งนี้มันเกิดขึ้นมาในหัว เราร้องไห้ทั้งๆที่ไม่ควรร้อง ใช่ไหมคะ? เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าเราเอาตัวเองมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง เขาไม่ได้แคร์เราขนาดนั้นเหมือนเมื่อก่อน ทำไมเราถึงแคร์เขาขนาดนี้ เราทะเลาะกัน แล้วสุดท้ายเขาก็โทรมาเคลียร์กับเราว่าเราทำตัวเป็นเด็ก เราบอกเขาไปว่า ที่เราดูเขามาตลอด 1 ปี เราไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบนี้ และเขาสวนกลับมาว่า ที่เขาดูเรามาตลอด 1 ปี เขาคิดว่าเป็นคนมีเหตุผลมาตลอด... เราไม่มีเหตุผลหรอคะ? เราว่าเรามีเหตุผลแล้วนะ แต่คนเป็นแฟนกัน เขาทำกันแบบนี้หรอ สุดท้ายเราเลยบอกเขาว่าเราขอโทษ ทั้งๆที่ในใจเราคิดว่าเราไม่ควรขอโทษเลย แต่เราอยากให้เขาสบายใจ - ใกล้จะถึงจุดจบ                        เวลาผ่านมา แต่ละวันเราคุยกันน้อยมาก ไม่ได้โทรหากันเลย แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เขาก็พิมพ์ข้อความมาว่า สิ่งที่เขาฝันไว้ วาดไว้ ตอนนี้มันไม่ใช่เลยอะ มันเป็นไปไม่ได้เลย เราได้อ่านข้อความ เราเลยรีบโทรหาเขา เราร้องไห้หนักมากในตอนนั้น เราคุยกัน จนกระทั่งเกิดข้อสรุปที่ว่า เขาบอกให้เราห่างกับเขาสักพัก เราห่างกันมา 3 วัน เราพิมพ์บอกเขาไปว่า วันศุกร์มาเจอกันหน่อยได้ไหม มาคุยกัน เขาก็โอเค เรามาเจอกัน และได้คุยกันค่ะ เขาบอกเขาข้อโทษ ที่เขาเอาเรื่องงาน เรื่องอนาคตกับความรักมาปนกัน เราก็บอกเขาว่า เราก็ขอโทษเหมือนกันที่เราทำตัวงี่เง่า เราจะไม่งอแงเขาอีกแล้ว เขาก็บอกว่า งั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ เราดีใจมาก เราร้องไห้ แต่คราวนี้เขาไม่มีน้ำตาให้เราเห็นเลย และเรารู้สึกได้เลยว่าสีหน้าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว แล้วต่อไปเราต้องปรับตัวให้ได้- จุดจบ                       ช่วงนี้ก็เป็นช่วงแห่งการเรียน เป็นช่วงที่แต่ละคนไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไรค่ะ    ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ส่งข้อความหากันวันละไม่กี่ข้อความ ซึ่งเราก็เข้าใจเขามาตลอด และปรับให้ตัวเองเหมือนเขา ไม่มีข้อความหวานๆกันอีกแล้ว                        วันนี้เป็นวันครบรอบ 5 เดือนของเราที่เราคบกันค่ะ ปกติทุกๆเดือนในวันครบรอบเรามักจะนัดมาเจอกัน แต่เดือนนี้เขามีไปดูงาน ซึ่งเราไม่ได้คุยกันทั้งวัน ทั้งที่ปกติเรากับเขาจะบอกกันทุกเช้า แต่เรารู้เพราะเราเห็นในสตอรี่ของเพื่อนในภาคของเขา เราเลยรู้ว่าเขาก็ต้องไปเหมือนกัน เย็นวันนั้น เรากลับบ้าน และแวะร้านๆหนึ่ง แล้วโทรหาเขา เขาไม่รับสายเราเลย เราโทรไปหลายสายมาก สุดท้ายเขารับ เราก็ถามว่าเขาอยู่ไหน วันนี้ไปดูงานมาใช่ไหมเป็นไงบ้าง เขาก็ตอบแบบเฉยๆมากเลย แล้วบอกว่าถึงบ้านแล้ว เราเลยถามเขาไปว่า รู้ไหมวันนี้วันอะไร เขาเงียบไปสักพัก แล้วบอกว่า ไม่รู้ เราเลยบอกเขาไปว่า วันครบรอบ 5 เดือนของเราไงง ลืมหรอ เขาบอก อ่อ ลืม แล้วก็เงียบ เราก็เลยถามเขาว่า เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่ค่อยพูดเลย เขาก็บอกไม่ได้เป็นอะไร เราถามอีกหลายรอบ มีอะไรก็บอกมาเถอะ เรารอฟังอยู่นะ เขาตอบเราว่า ให้กลับถึงบ้านก่อน แล้วค่อยคุย พอเรากลับถึงบ้าน ตอนกลางคืน เขาก็โทรมาหาเรา แล้วเขาก็ร้องไห้ พูดเหมือนกับว่าเขาจะขอเลิกกับเรา เราบอกเขาไปว่า ใจเย็นๆนะ ไว้ค่อยคุยกันได้ไหม เขายังไม่ว่างเลย มีงานที่ต้องทำ ขอโทษนะ แล้วเราก็วางสายไป เพราะพรุ่งนี้เรามีแสดงละคร เรากลัวว่าถ้าเรารับรู้ในคืนนี้ เราต้องแสดงไม่ได้แน่ๆ ในขณะที่เราท่องบทอยู่ เราก็เห็นข้อความเขา พิมพ์มาหลายๆข้อความที่หน้าจอ เรากดปัดไม่อ่านๆ เราไม่เข้าใจตัวเองเลย เราไม่กล้ายอมรับความจริง และคืนนั้น เราบอกตัวเองเสมอว่า ไม่ใช่หรอก ไม่จริง เพื่อที่พรุ่งนี้เราจะได้แสดงได้ แต่ในใจเรารู้อยู่แล้ว พอผ่านจากแสดงละครมาได้ เราก็ไม่ดูข้อความอีกเลย รอจนกลับถึงบ้านตลอด แต่ก็ยังไม่อ่านเขาข้อความมาเรื่อยๆ เราร้องไห้ทุกวัน เราไม่คิดว่าทุกอย่างจะเร็วขนาดนี้ เราไม่เคยคิดว่ามันจะจบแบบนี้ เราไม่เผื่อใจเลย และเรารู้เลยว่าที่เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้ เพราะเขาหมดรักเรา เขาตั้งใจจะให้เรารักเขาให้น้อยลง แต่มันไม่เลย เรายังเหมือนเดิมตลอด เราเริ่มจาก 0 ไป 100 แต่เราไม่เคยคิดว่า เขาจะเริ่มจาก 100 มา 0 เรารู้สึกเหมือนเราจะไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อีกแล้ว ถ้าขาดเขาไป เรารู้สึกว่าทุกอย่าง สิ่งที่เคยสวยงาม สิ่งที่เราเคยฝัน มันแหลกสลายไปหมด เรากินอะไรไม่ลงอีกเลย เดือนนั้นเป็นเดือนที่ยากที่สุดในชีวิตเรา                         เมื่อเราพอทำใจได้แล้ว เราจึงตัดสินใจอ่านข้อความ เป็นอย่างที่เราคิดไว้จริงๆว่าต้องพิมพ์มาแบบนี้ เราเลิกกันอย่างสมบูรณ์ เราพิมพ์ถามเหตุผลได้ว่า บอกเหตุผลหน่อยได้ไหมว่าทำไม เขาก็บอกว่า หลายอย่างมากเลย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลงรูปกับผู้หญิงคนอื่น เราใจสลายไปเลย หลังจากนั้น เราเลยเลิกดู เลิกติดตาม ทำทุกทาง ที่สามารถทำให้เราไม่ต้องเห็น ไม่ต้องรับรู้เรื่องราวของเขา เพื่อจะลืมเขาให้ได้ และคอยบอกตัวเองเสมอว่า อย่าให้ความรัก มาทำให้เรามีชีวิตที่แย่ลงได้ ความเจ็บปวดอะไรที่ไม่ได้ฆ่าเรา ล้วนแต่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เดี๋ยวมันก็ผ่านมาได้ เหมือนที่เราเคยผ่านมาในครั้งก่อนๆ และตอนนี้เราดีขึ้นมากแล้ว เวลาจะช่วยได้จริงๆ - ข้อคิด                          การคบใครสักคน ต้องใช้เวลา ดูกันไปเรื่อยๆ ไม่ควรรีบร้อน และถึงแม้ว่าคิดว่าใช้เวลาดูกันดีแล้ว ก็ขอให้คิดให้เผื่อใจไว้เสมอ อย่าเป็นแบบเราที่ไม่เผื่อใจเลย และทุ่มให้เขาอย่างเดียว ให้รู้ไว้เสมอว่า ไม่มีใครรักเราเท่ากับพ่อแม่ และครอบครัวของเรา